ลักษณะและประโยชน์ในการใช้งาน
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความคล่องแคล่ว และความสมดุลในการทรงตัวเป็นอย่างมาก ผู้เล่นต้องมีการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างหนักในทุกทิศทาง รวมถึงการกระโดด การปัด ดังนั้นบาสเกตบอลจึงมีลักษณะเฉพาะ ถนอมข้อเท้า กันพลิก โดยให้ความมั่นคง ความมั่นใจในทุกจังหวะของการวิ่ง เบรค รองเท้าบาสเกตบอลที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ มีประสิทธิภาพในการเกาะพื้น การเคลื่อนไหวที่ดี ทั้งพื้นในร่มและพื้นปูนกลางแจ้ง
ข้อมูลที่ควรเตรียมก่อนการเลือกซื้อ
- ประเภทของพื้นสนามที่เล่น พื้นสนามที่ผู้ซื้อเล่นส่วนใหญ่เป็นแบบไหน เช่น พื้นปูน พื้นยางสังเคราะห์ พื้นปาร์เก้ เป็นต้น การเลือกซื้อต้องให้ตรงกับการใช้งาน เช่น หากนำรองเท้าที่ควรใส่บนพื้นยางสังเคราะห์ มาใช้เล่นในสนามที่เป็นพื้นปูน นอกจากยางพื้นรองเท้าจะสึก พังเร็วแล้ว คุณสมบัติการเกาะพื้นที่ไม่ดี จะนำไปสู่อุบัติเหตุได้
- ลักษณะฝ่าเท้าของผู้เล่น เหมือนกับการเลือกซื้อรองเท้ากีฬาทุกประเภท หากผู้ซื้อมีฝ่าเท้าผิดปกติ เช่น ฝ่าเท้าแบน ฝ่าเท้าโก่ง ฝ่าเท้าแต่ละแบบทำให้ธรรมชาติการหมุนของเท้าแตกต่างกัน เช่น ฝ่าเท้าแบน จะมีการหมุนของเท้าและแรงบิดต่อข้อมาก รองเท้าที่เหมาะสมควรเป็นรองเท้าที่ควบคุมไม่ให้การหมุนของเท้ามากเกินไป ในขณะที่ฝ่าเท้าโก่งควรเลือกรองเท้าที่มีการเสริมพื้นรองเท้าหนาเป็นพิเศษเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกของหน้าเท้าและส้นเท้า ผู้ซื้อจำเป็นต้องแจ้งกับผู้ขายด้วย
- ความถี่ในการเล่น ถ้าคุณเล่นบาสเกตบอลเฉพาะวันว่าง สามารถใช้หลักการเลือกรองเท้าบาสเกตบอลตามปกติได้เลย แต่หากต้องการความจำเพาะเจาะจงลงไปอีก หรือเป็นนักกีฬามืออาชีพมีสไตล์การเล่นของตัวเอง ควรบอกให้ผู้ขายมืออาชีพในการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม
- งบประมาณ ควรมีงบประมาณในใจก่อนไปซื้อ เพื่อช่วยให้การเลือกซื้อ การพูดคุยกับผู้ขายมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามอย่าจำกัดงบจนเกินไป เนื่องจากบาสเกตบอลเป็นหนึ่งในกีฬาที่สร้างภาระให้กับข้อเท้าหนักมาก จึงต้องการรองเท้าที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องกล้ามเนื้อ กระดูก ทั้งข้อเท้าและข้อเข่าสูง
คุณสมบัติที่ควรสอบถามจากผู้ขาย
- เทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้น ผู้ซื้อควรเช็คว่าจุดเด่นดังกล่าว สอดคล้องกับพื้นสนาม/ฝ่าเท้า/สไตล์การเล่นหรือไม่ ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของการรองรับแรงกระแทก (Cushion) และการซัพพอร์ตข้อเท้า ทั้งนี้ควรเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ หรืออย่างน้อยต้องเขียนในเอกสารรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ หรือเว็บไซต์ ไม่ใช้ลำพังจากคำพูดของผู้ขาย
- วัสดุทำรองเท้าโดยเฉพาะพื้น หากคุณมีงบประมาณที่จำกัด วัสดุที่คุณยังคงต้องให้ความสำคัญคือ พื้นรองเท้า โดยทั่วไปแล้ว พื้นรองเท้ามีหลากหลายประเภท แต่ที่นิยมกันมี EVA ซึ่งมีจุดเด่นที่ความเบา และความยืดหยุ่น สบายเท้า แต่ให้ความเสถียรน้อยกว่า ทนทานน้อยกว่า และ PU หรือยูรีเทน มีจุดเด่นในเรื่องให้ความสมดุล รู้สึกมั่นคง ทนทานต่อการสึกหรอ แต่มีน้ำหนักมากกว่า นอกจากนี้ผู้ซื้อควรดูดอกยางที่เหมาะกับพื้นสนามด้วย
- ราคา สอบถามราคา ส่วนลด ส่วนแถม เงื่อนไขการจ่ายต่าง ๆ
- วันเดือนปีที่ผลิต เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำรองเท้ามีอายุงานที่จำกัด การเลือกซื้อรองเท้าในปีที่ผลิต จะทำให้ได้ประโยชน์ในการใช้งานได้อย่างเต็มที่
- คู่เทียบ เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ แนะนำให้คุณให้ผู้ขายแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติและระดับราคาใกล้เคียงกัน เปรียบเทียบ 2-3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เดียวกันหรือคนละแบรนด์ แน่นอนว่าต้องทดลองใส่ เพื่อเปรียบเทียบกันด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Low cut ความสูงเท่ากับรองเท้ากีฬาทั่วไป คือประมาณตาตุ่ม เหมาะกับผู้ที่เน้นการเล่นเกมบุก ชอบแย่งลูก เลี้ยงลูก หลบหลีก คล่องตัวสูง แต่จะมีการปกป้องข้อเท้าน้อยกว่าแบบอื่น ๆ
- Mid cut หุ้มตาตุ่มประมาณ 1 นิ้ว เหมาะกับคนที่เล่นทั้งเกมรุกและรับ มีความสมดุล ปกป้องข้อเท้าได้ แต่จะมีน้ำหนักมากกว่า ทำให้คล่องตัวน้อยกว่า เหมาะกับคนที่เน้นเล่นซัพพอร์ทเพื่อนในทีม ทำแต้มบ้างบางโอกาส
- High cut หุ้มข้อเท้าสูง เหมาะกับคนที่เล่นเกมแบบเน้นทำแต้ม กระโดดบ่อย ชอบดั้งค์ชู้ต มีความคล่องตัวน้อยสุดเมื่อเที่ยบกับแบบอื่น แต่ป้องกันการบาดเจ็บของข้อเท้าได้ดีมาก เรามักเห็นนักกีฬามือชู้ตของ NBA เลือกรองเท้าแบบนี้
- ควรลองรองเท้าทุกครั้งที่ซื้อ เพราะรองเท้าแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น มีดีไซน์วัสดุ ความหนาบางของ ส่วนประกอบที่ไม่เหมือนกัน และถ้าเป็นไปได้ควรลองใส่วิ่งหรือขยับตัวในพื้นที่ที่กำหนดไว้ บางสถานที่มีแป้นบาสให้คุณใส่ลองทั้งลูกบาสและรองเท้า เพื่อความมั่นใจว่าภายหลังการซื้อ คุณจะได้ใช้รองเท้าบาสเกตบอล คู่ที่คุณต้องการจริงๆ
- ใส่ถุงเท้าบอสเกตบอลขณะลองเสมอ ส่วนใหญ่ถุงเท้าบอสเกตบอลมักหนากว่าถุงเท้าปกติ และมีผลต่อการเลือกรองเท้าบาสเกตบอลโดยตรง ดังนั้นเวลาลองให้สวมถุงเท้าที่ใส่เป็นประจำด้วย
- เทคนิคการดูว่ารองเท้าพอดีหรือไม่ ขณะสวม รู้สึกได้ว่าตัวรองเท้าสามารถโอบกระชับได้อย่างดี เวลาแบะเท้าออกแล้วไม่ลื่นไหลหรือพลิกไปมา โดยตรงหัวรองเท้าช่วงปลายนิ้ว และนวมบุรองเท้า ควรมีที่ว่างประมาณครึ่งเซนติเมตร คุณสามารถลองจิกเล็บดูภายในร้องเท้า งอนิ้วได้นิดหน่อย และควรลองในตอนเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่เท้าของคุณขยายตัวอย่างเต็มที่
- คำแนะนำจากทั้งแพทย์ นักกายภาพบำบัด หรือแม้แต่นักบาสเกตบอลมืออาชีพเอง ว่าการจะได้รองเท้าบาสเกตบอลคู่ใจจริง ๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จบแค่ร้าน ก่อนที่จะใส่เล่นจริง ผู้ซื้อควรใส่เดินทางไปไหนมาไหนในชีวิตประจำวัน 1 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ เพื่อให้น้ำหนักตัวกดลงพื้นที่ในรองเท้า ให้เข้าที่เข้าทาง เนื่องจากรองเท้าบาสเกตบอลมักจะมีนวมหนา และห่อหุ้มเท้ารอบด้าน ซึ่งถ้าหากไม่ชิน จะกลายเป็นอุปสรรคเมื่อลงสนามจริง แม้จะเป็นมือสมัครเล่นก็ตาม
- Upper: วัสดุชั้นนอกสุดของรองเท้า ส่งผลต่อน้ำหนัก การระบายอากาศ ความยืดหยุ่น และความสามารถในการกันน้ำ เช่น หนัง หรือใยสังเคราะห์ เป็นต้น
- Midsole: เป็นการเสริมช่วงส้นให้หนาขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนัก และแรงกระแทกได้ ส่วนนี้จะช่วยทำให้เรารู้สึกสบายเมื่อเดิน ทำให้รองเท้ามีความสมดุล วัสดุที่นิยมใช้คือ EVA และยูรีเทน เป็นต้น
- Internal support: เป็นพื้นรองเท้าทั้งหมด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักมีพื้น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ พื้นที่ติดกับเท้าของผู้สวมโดยตรง และพื้นที่หุ้มด้านล่างสุด มีดอกยางเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ
- Outsole: มักทำมาจากยาง หรือยางผสมคาร์บอน ในส่วนนี้คือปุ่มสีสันต่าง ๆ ที่เราเห็นในดอกยางนั่นเอง รองเท้าบางคู่มีดอกยางที่นูนขึ้นมาเป็นก้อนหนา ๆ หลายแบบ วางสลับกัน สิ่งนี้เพิ่มความแข็งแรงให้รองเท้า เพิ่มความมั่นคงให้การวิ่ง ยิ่งรองเท้าสำหรับวิ่งมาราธอน ทางวิบาก จะยิ่งมีลายดอกยางที่ลึกและใหญ่
ข้อมูลเพิ่มเติม : Product available : Product recommended: Review : Knowledge