ลักษณะและประโยชน์ในการใช้งาน
การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นสิ่งที่นับว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของเรา ยิ่งเมื่อใบหน้าถือเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนจะได้พบเจอด้วยแล้ว ยิ่งต้องใส่ใจในการดูแลทำความสะอาดให้ดี โดยทั่วไปแล้วโฟมล้างหน้ามักจะมีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นครีม เจล ผง หรือแบบสบู่ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสามารถใช้ทำความสะอาดผิวหน้าจากมลภาวะที่เราต้องเผชิญในแต่ละวันได้ทั้งสิ้น นอกจากความสามารถในการทำความสะอาดแล้ว โฟมล้างหน้าในปัจจุบันยังมักเพิ่มส่วนประกอบที่สามารถบำรุงผิวหน้า ทำความสะอาดล้ำลึก ชำระล้างคราบเครื่องสำอางต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ข้อมูลที่ควรเตรียมก่อนการเลือกซื้อ
1. สภาพผิว
การเลือกโฟมล้างหน้าที่เหมาะสมต่อตัวเองนั้น ควรพิจารณาจากสภาพผิวเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วผิวหน้า สามารถแบ่งออกเป็นประเภทได้ ดังนี้
- ผิวธรรมดา : ถือเป็นผิวที่มีความสมดุลมากที่สุดเมื่อเทียบกับสภาพผิวประเภทอื่น ๆ ปัญหาที่เกิดจากสภาพผิวโดยตรงถือว่าน้อย ปัญหาต่าง ๆ มักจะมาจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ เครื่องสำอาง สภาพอากาศ ดังนั้นสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจหลักคือการรักษาความสมดุล และความสะอาด เป็นต้น
- ผิวมัน : ผิวมันอาจเกิดจากทั้งกรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อม และฮอร์โมนของเราเอง ที่ทำให้ผิวขับน้ำมันออกมามากเกินปกติ จนดูมันตลอดเวลา มักมีปัญหารูขุมขนกว้าง และเกิดการอุดตันง่าย ดังนั้นจึงควรใส่ใจเรื่องการควบคุมความมัน ทำความสะอาดล้ำลึกเพื่อลดการอุดตันรูขุมขน
- ผิวแห้ง : เกิดจากผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ขาดกรดไขมันที่จำเป็นต่อชั้นผิว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ได้ง่าย นอกจากนั้นผิวแห้งยังดูหยาบกร้านและหมองคล้ำ จึงควรใส่ใจเรื่องการรักษาความสมดุล และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ผิวผสม : ผิวประเภทนี้มักจะมีความมันเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณ T-zone และอาจมีปัญหาเรื่องผิวแห้งในบริเวณ U-zone ดังนั้นการดูแลผิวผสมจึงค่อนข้างพิเศษ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เน้นหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง แต่ควรเน้นการปรับสมดุลโดยรวม และบางคนอาจใช้สกินแคร์ทาเฉพาะจุดอีกด้วย
2. รู้ปัญหาผิวของตัวเอง
ปัญหาผิวหน้ามีหลากหลาย และแต่ละคนอาจต้องการดูแลเป็นพิเศษมากกว่า 1 อย่าง ดังนั้นเราจึงควรรู้ความต้องการในเบื้องต้นของตัวเองว่า ควรทำการแก้ไขเรื่องไหนอย่างเร่งด่วนมากที่สุด
- ปัญหาสิว : ถือเป็นปัญหาผิวหน้าที่เกิดขึ้นได้จากสารพัดเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน มลภาวะ ความเครียด การแพ้ อุณหภูมิ อาหาร ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหากวนใจของหลายคน และการป้องกันบรรเทาอาการสิวด้วยโฟมล้างหน้าก็มักจะแยกย่อยลงไปอีก ดังนั้นผู้ใช้ควรสำรวจตัวเองว่าสิวที่เป็นอยู่นั้นมีสาเหตุจากอะไร เพื่อที่จะแก้ไขได้ตรงจุด
- ปัญหาริ้วรอย : ริ้วรอยอาจเกิดได้ทั้งจากวัย ซึ่งควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดช่วยในการลดเลือน ยกกระชับผิว และอาจเกิดจากปัญหาผิวที่สูญเสียความชุ่มชื้นมาก ๆ จนเกิดริ้วรอยก่อนวัยก็ได้
- ปัญหาผิวคล้ำเสีย : ปัญหาผิวแบบนี้ ถูกแบ่งเป็นหลัก ๆ คือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจแก้ไขด้วยการใช้โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสครับ ช่วยผลัดเซลล์ผิว และหากมีปัญหาจุดด่างดำ ก็ควรเน้นพวกโฟมล้างหน้าที่ช่วยในเรื่องเมลานิน ให้ความกระจ่างใสต่อผิว เป็นต้น
ปัญหาผิวแพ้ง่าย : บางรายอาจมีสภาพผิวที่บอบบางมากจนถึงขั้นแพ้เหงื่อตัวเอง ซึ่งแม้จะมีปัญหาผิวอื่นร่วมด้วย แต่ผิวแพ้ง่ายก็ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามใจนัก ควรเน้นโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมพื้นฐานมากที่สุด เน้นความสมดุลแก่ผิว และไม่มีสารที่เสี่ยงต่อการเกิดการแพ้
คุณสมบัติที่ควรสอบถามจากผู้ขาย
1. ประเภทโฟมล้างหน้า
- ครีม : โฟมล้างหน้าเนื้อครีมเป็นแบบที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด จนเรามักจะเห็นในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอยู่เสมอ โดยเนื้อผลิตภัณฑ์แบบนี้สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ให้สัมผัสที่ดี อีกทั้งยังสามารถนวดกระตุ้นผิวหน้าไปด้วยได้เมื่อล้างหน้า
- เจล : ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเนื้อเจลให้สัมผัสผิวที่เบา มีความอ่อนโยน รวมถึงมีส่วนผสมของน้ำมันน้อย บางแบรนด์อาจไม่มีเลย ซึ่งเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวมัน และผิวผสม เป็นพิเศษ
- สบู่ก้อน : สบู่ก้อนล้างหน้ามีความโดดเด่นตรงที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูง แต่ความเป็นสบู่แข็งอาจก่อให้เกิดแรงตึงผิวได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับผิวธรรมดา ผิวมัน หรือผิวผสม
- สบู่เหลว : เนื้อผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบสบู่เหลวจะมีความอ่อนตัวมากกว่าเนื้อเจล โดยความใส และความขุ่น ขึ้นอยู่กับสารสกัดที่ผู้ผลิตเลือกใช้ มีโอกาสเกิดความตึงผิวมากกว่าแบบเจล จึงเหมาะกับผิวผสม ผิวธรรมดา หรือผิวแพ้ง่ายซึ่งไม่มีปัญหาผิวแห้ง เป็นต้น
- ผง : ผงล้างหน้าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เรามักจะเห็นในกลุ่มรักษาสิว เนื่องด้วยสารสกัดและตัวยาบางอย่างถูกเก็บในรูปแบบแห้งจะสามารถรักษาประสิทธิภาพได้ดีกว่า ข้อดีของผงล้างหน้าคือสามารถเป็นสครับไปได้ในตัว เหมาะกับผิวมัน และผิวผสม ช่วยเรื่องความกระจ่างใส คล้ำเสียสะสม และลดรูขุมขนได้ดี
- ออยล์/บาล์ม : มักวางจำหน่ายในกลุ่มประเทศเขตหนาว ผลิตภัณฑ์เนื้อน้ำมันสามารถรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อีกทั้งยังสามารถชำระล้างเครื่องสำอางได้ เหมาะกับผิวแห้ง และผิวธรรมดา
2. คุณสมบัติเด่น
ตามหลักแล้วโฟมล้างหน้าเป็นสิ่งที่สัมผัสผิวหน้าไม่นาน ดังนั้นสารสกัดต่าง ๆ ที่ใส่มาอาจไม่ได้ส่งผลต่อผิวจนเห็นได้ชัดเหมือนกับการใช้สกินแคร์บำรุงผิวหน้าโดยตรง ดังนั้นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือคุณสมบัติดังนี้
- ทำความสะอาด : สารในกลุ่มนี้มักจะเป็นสารประกอบจำพวกสบู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคนได้ ดังนั้นควรเลี่ยงด้วยการเลือกสารทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน แต่สามารถทำความสะอาดได้มีประสิทธิภาพ
- ผลัดเซลล์ผิว : ไม่ใช่เพียงสครับในโฟมล้างหน้าเท่านั้นที่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ แต่กรดต่าง ๆ ที่ประกอบมาก็ใช้ได้เช่นกัน อย่างพวก Lactic acid, Stearic acid หรือ Palmitic acid เป็นต้น หากคุณมีปัญหาผิวคล้ำเสีย ก็เลือกที่มีส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ไม่ควรเลือกแบบที่มีสารประกอบซ้ำซ้อน
- ลดการเกิดสิว : โฟมล้างหน้ารักษาสิวมักจะทำงานใน 2 ส่วนหลัก ๆ คือทำความสะอาดความมัน และละลายสิ่งที่อุดตันในรูขุมขน ควรเลือกสารจำพวก BHA กับสิวอุดตัน หรือหากมีปัญหาสิวรุนแรงมาก ผิวอ่อนแอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้โฟมล้างหน้าที่รักษาสิวโดยตรงก็ได้ เน้นผลิตภัณฑ์รักษาความสมดุลให้ผิวแล้วไปใช้สกินแคร์รักษาสิวในขั้นตอนอื่นดีกว่า
- รักษาความชุ่มชื้น : เติมความชุ่มชื้น รักษาความสมดุลให้ผิว คือหัวใจหลักซึ่งผิวหน้ามักจะเผชิญหลังการล้างหน้า มักเป็นคุณสมบัติหลักในโฟมล้างหน้าส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม ควรอ่านส่วนประกอบว่าความชุ่มชื้นนั้นมาจากไขมัน หรืออื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในรายที่แพ้ง่าย
3. สารประกอบที่เสี่ยงต่อการระคายเคือง
- น้ำหอม : แม้น้ำหอมจะทำให้โฟมล้างหน้าน่าใช้ รู้สึกดีเมื่อล้างทำความสะอาด แต่ที่จริงแล้วภายในน้ำหอมยังมีสารประกอบมากมายที่ไม่ควรใช้กับผิวหน้า เสี่ยงต่อการแพ้และระคายเคืองได้
- แอลกอฮอล์ : แอลกอฮอล์มักถูกนำมาใช้ในโฟมล้างหน้ารักษาสิวรุ่นเก่า ๆ เพื่อเป็นตัวทำละลายให้ตัวยาเข้ากัน รู้สึกเย็น ฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ที่จริงแล้วแอลกอฮอล์ทำลายความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวแห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง ไม่ดีต่อการใช้ระยะยาว
- สีสังเคราะห์ : ในโฟมล้างหน้าและสบู่สีสันสวยงาม ใช้เพื่อความดึงดูดใจล้วน ๆ คุณต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าคาดหวังอะไรจากการทำความสะอาดผิวหน้า เพราะสีสันเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอย่างแน่นอน
- สารกลุ่มซัลเฟต : ที่พบบ่อยที่สุดคือ Sodium lauryl sulfate (SLS) และ Sodium laureth sulfate (SLES) มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิว ทำให้เกิดฟองดี แต่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
- สารกันเสีย : หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ พาราเบน ซึ่งแม้จะช่วยให้โฟมล้างหน้าสามารถเก็บได้นานขึ้น แต่ก็สามารถก่อให้เกิดการอุตตัน และเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้นควรเลี่ยงดีกว่า
- ซิลิโคน : ซิลิโคนในโฟมล้างหน้าช่วยให้มีเนื้อสัมผัสที่ลื่น รู้สึกดีเมื่อลูบไล้บนผิว แต่ที่จริงแล้วสามารถทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันรูขุมขน เกิดสิวได้ง่ายมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อควรระวังและหมายเหตุเพิ่มเติม
- อายุการใช้งาน แม้แต่โฟมล้างหน้าก็มีวันหมดอายุเช่นกัน ไม่ควรชะล่าใจโดยเด็ดขาด หากบนห่อผลิตภัณฑ์ไม่มีตัวเลขระบุแน่ชัด ให้สังเกตสัญลักษณ์ 6M, 8M, 9M ซึ่งตัว M ด้านหลังหมายถึงเดือน หมายความว่าระยะเวลาที่สามารถใช้ต่อไปได้ หลังจากเปิดผลิตภัณฑ์ออกมานั่นเอง และหากใครเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ ทำจากธรรมชาติ 100% ก็มักจะมีอายุการใช้งานลดหลั่นกันลงมา ประมาณ 1-3 เดือน เป็นต้น
- ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบออแกนิกส์ วีแกน ไม่ทดลองในสัตว์ ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอีกการตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ นอกจากนั้นสิ่งพื้นฐานที่ควรระมัดระวังที่สุดในโฟมล้างหน้าต่อสิ่งแวดล้อม นั่นคือ โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสครับซึ่งทำมาจากไมโครบีดส์ เม็ดบีดส์พลาสติกเหล่านี้ไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้งและมหาสมุทรจนเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมมหาศาล ดังนั้นควรเลี่ยงไปใช้สครับที่ย่อยสลายได้ดีกว่า
ข้อมูลเพิ่มเติม : Product available : Product recommended : Review : Knowledge
