ลักษณะและประโยชน์ในการใช้งาน
ลู่วิ่ง คืออุปกรณ์ที่เป็นคำตอบของการรักษาสุขภาพได้ภายในบ้าน อีกทั้งคุณยังสามารถออกกำลังกายได้ทุกวัน โดยไม่ต้องสนว่าด้านนอกบ้าน จะมีฝนตกหรือแดดออกแค่ไหน และยังไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงโรงยิม ซึ่งหากพูดถึงหน้าตาของเจ้าลู่วิ่ง หลายคนที่เคยเข้ายิมมาก่อนก็จะคุ้นเคยกันดี โดยส่วนใหญ่ลู่วิ่งมักจะทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ลักษณะเป็นสายพานด้านล่าง และมีแป้นหรือหน้าจอแสดงผลค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการออกกำลังกาย ซึ่งประโยชน์ของลู่วิ่งนอกจากจะช่วยให้เราวิ่งออกกำลังกายได้ทุกเวลาที่ต้องการแล้ว ยังสามารถวัดผล และวางโปรแกรมการเผาผลาญแคลอรี่ด้วยการวิ่งได้อีกด้วย ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายในด้านสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลที่ควรเตรียมก่อนการเลือกซื้อ
- มีพื้นที่แค่ไหน ก่อนที่คุณจะซื้อลู่วิ่ง คุณจะต้องทราบขนาดพื้นที่ หรือบริเวณที่คุณต้องการวางของสิ่งนี้ก่อน เนื่องจากลู่วิ่งมักมีขนาดใหญ่ ต้องการพื้นที่มาก บางรุ่นมีการต่อเติมตัวเครื่องออกมาซึ่งทำให้กินพื้นที่เข้าไปอีก ดังนั้น ถ้าให้ดีที่สุดควรมีห้องออกกำลังกายภายในบ้านโดยเฉพาะ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีบริเวณเยอะ ๆ อย่างการวางในห้องนั่งเล่น เป็นต้น
- ยอมรับการใช้อุปกรณ์ด้วยตัวเอง การซื้อลู่วิ่งมาไว้ในบ้านไม่เหมือนกับการใช้ลู่วิ่งในยิม นั่นคือในยิม คุณสามารถเดินขึ้นไปบนเครื่องแล้วกดเล่นได้เลย แต่สำหรับการครอบครองลู่วิ่งเป็นของส่วนตัว คุณจะพบกับการตั้งค่ายิบย่อย ตั้งแต่การใช้ครั้งแรก การบันทึก การรีเซ็ตระบบเพื่อติดตามโปรแกรมเผาผลาญแคลรี่อย่างใกล้ชิด ข้อดีคือข้อมูลที่อยู่ในเครื่องคือของคุณคนเดียวเท่านั้น ข้อเสียคืออาจจะรู้สึกยุ่งยากในตอนแรก ดังนั้นถามใจตัวเองก่อนซื้อว่าโอเคกับระบบอิเล็กทรอนิกส์พวกนี้แค่ไหน และยินดีเรียนรู้หรือไม่
- น้ำหนักของผู้ใช้ บางบ้านอาจตั้งใจซื้อลู่วิ่งมาใช้กันทั้งครอบครัว ไม่ได้กะว่าต้องเป็นของใครเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ควรพิจารณาจากคนที่น้ำหนักมากที่สุดในบ้านเป็นเกณฑ์ เพราะลู่วิ่งแต่ละรุ่นรองรับน้ำหนักได้ต่างกัน จุดนี้จะส่งผลถึงขนาดของลู่วิ่งที่เหมาะสมด้วย
- ชอบวิ่งหรือชอบเดิน หากคุณเน้นการเดิน และวิ่งเหยาะ ๆ เท่านั้น ถือว่าเป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า เพราะคุณสามารถควบคุมให้อยู่ในลู่วิ่งรุ่นที่มีราคาถูก ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ซับซ้อนได้ แต่ถ้าคุณเป็นขาวิ่ง แน่นอนว่าต้องลงทุนเพิ่มเพื่อความหลากหลาย และปลอดภัย เพราะลู่วิ่งจะมีประสิทธิภาพ และสามารถซัพพอร์ทในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
- ความถี่ในการออกกำลังกาย เรากำลังคุยถึงเรื่องความคุ้มค่าในการซื้อ เพราะขึ้นชื่อว่าลู่วิ่ง ต่อให้เป็นรุ่นที่ราคายอมเยาว์ที่สุด แต่ก็มีราคาสูงอยู่ดีหากเทียบกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ดังนั้นหากคุณไม่ได้คิดจะวิ่งเป็นจริงเป็นจัง หรือแค่เพิ่งตัดสินใจว่าจะเริ่มออกกำลังกาย ควรชะลอการซื้อไว้ก่อนดีกว่า แต่ถ้าหากวิ่งมาจนรู้สึกว่าจะยึดการวิ่งนี่แหละเป็นวิถีออกกำลังกายหลัก ไม่ว่าจะไปเล่นกีฬาอะไรก็ทิ้งการวิ่งไม่ได้ หรือมีโปรแกรมชัดเจนว่าอย่างน้อยต้องวิ่ง 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ แบบนี้ก็ซื้อเลย คุ้มค่าแน่นอน
คุณสมบัติที่ควรสอบถามจากผู้ขาย
- พื้นผิว พื้นผิวในที่นี้คือวัสดุของสายพานซึ่งถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของลู่วิ่ง แบบที่ได้รับความนิยมที่สุดมักจะจำลองพื้นผิวของถนน ถ้าเป็นไปได้ทดลองวิ่งบนสายพานดูก่อน ถ้าคุณรู้สึกนุ่มทุกครั้งที่ลงน้ำหนักบนฝ่าเท้าแสดงว่าลู่วิ่งนั้นสามารถซัพพอร์ทข้อต่อได้ดี
- ความกว้าง หมายถึงความกว้างของสายพานเช่นกัน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นตัวกำหนดระยะห่างของราวจับด้านบนด้วย ถ้าคุณมีน้ำหนักตัวมาก ขนาดตัวใหญ่ ควรลองพาตัวเองขึ้นไปยืนบนลู่วิ่งดูก่อน ลู่วิ่งที่มีขนาดเหมาะสมกับคนทั่วไปควรมีความกว้างที่ประมาณ 60 นิ้ว ควรทิ้งระยะห่างระหว่างตัวกับราวจับไว้ด้วย ถ้าแคบเกินไปจะสั่งผลต่อการทรงตัว ท่าทางในการวิ่ง และส่งผลต่อข้อต่อในท้ายที่สุด
- กำลังของมอเตอร์ มอเตอร์คือหัวใจหลักที่ทำให้สายพานของลู่วิ่งสามารถหมุนไปได้อย่างต่อเนื่อง หากคุณวิ่งสม่ำเสมอ ควรเลือกมอเตอร์ที่มีกำลังแรงอย่างน้อย 3 แรงม้า หากคุณเน้นเดิน สามารถเลือกมอเตอร์ที่มีกำลังต่ำกว่านี้ได้เพื่อประหยัดงบ
- ปรับค่าความลาดเอียง น้อยมากที่ลู่วิ่งไฟฟ้าจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้ ดังนั้นถ้าพบว่าเครื่องที่คุณจะซื้อไม่สามารถปรับความลาดเอียงได้ ก็เปลี่ยนไปดูรุ่นอื่นดีกว่า ความลาดเอียงจะส่งผลต่อความเหนื่อย การออกแรง และระบบเผาผลาญของเราโดยตรง ลองหาเครื่องที่ปรับได้ประมาณ 15% ก็ถือว่าผ่านแล้ว
- หน้าจอสั่งงาน หน้าจอสั่งงานสำหรับแสดงผลและควบคุมเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นมันสมองหลักของลู่วิ่ง ซึ่งหากลองวิเคราะห์ทีละส่วน ควรเริ่มตั้งแต่ความหนาของแป้น ควรอยู่ที่ 3 นิ้วเป็นอย่างต่ำ ลองจับดูวัสดุควรแข็งแรงทนทาน ไม่ก็อกแก็ก เพราะบางอิริยาบถนักวิ่งอาจเผลอตัวเอาศอกเท้าทิ้งน้ำหนักลงไป จุดนี้ต้องสามารถรองรับได้ เมื่อพิจารณาที่ฟังก์ชั่นการควบคุมต่าง ๆ ทั้งปุ่มและจอต้องมีขนาดที่มองเห็นชัดโดยไม่ต้องก้มมากหรือเพ่ง เพียงแค่ยืนมองปกติก็เห็นค่าต่าง ๆ ชัดเจน รวมไปถึงหมวดหมู่ของปุ่มสั่งงานต้องสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย เป็นต้น
- การรับประกัน ส่วนใหญ่แล้วลู่วิ่งมักจะมีการรับประกันแยกออกมาในส่วนของโครงสร้างและมอเตอร์ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ควรได้รับประกันเป็นเวลานาน หรืออย่างดีที่สุดคือควรรับประกันตลอดอายุการใช้งาน สำหรับส่วนประกอบอื่น ๆ มักจะมีระยะเวลารับประกันที่ 3-5 ปี สำหรับลู่วิ่งราคาถูกอาจรับประกันเพียง 90 วัน หรือ 1 ปีเท่านั้น ผู้ซื้อควรตัดสินใจและเปรียบเทียบให้ดี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อควรระวังและหมายเหตุเพิ่มเติม
- ค่าบำรุงรักษา หากคุณต้องการซื้อลู่วิ่ง อย่างหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือมักจะมีค่าบำรุงรักษาแยกจากส่วนที่รับประกันเสมอ ค่าตรวจเช็ค ค่าอะไหล่ ค่าทำความสะอาดเครื่องภายใน ฯลฯ ซึ่งแล้วแต่บริษัทผู้ผลิตจะกำหนดเอาไว้ แต่ข้อดีคือค่าบำรุงรักษาเหล่านี้ไม่ได้แพงมากจนเกินไป หากเปรียบเทียบกับเครื่องปรับอากาศ ก็จะเหมือนกับการที่เราต้องล้างแอร์และเปลี่ยนไส้กรองนั่นเอง สำหรับลู่วิ่งชั้นนำบางแบรนด์จะมีการบริการฟรีอย่างแท้จริงตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งผู้ซื้อสามารถตัดสินใจถึงความคุ้มค่าและการลงทุนซื้อลู่วิ่งตรงนี้ได้ด้วย
- ลู่วิ่งแบบพับ นอกเหนือจากลู่วิ่งแบบปกติที่กล่าวถึงในข้างต้น ยังมีลู่วิ่งแบบพับซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่มีราคาย่อมเยาว์ด้วย อย่างไรก็ตามหากกล่าวถึงประสิทธิภาพ ลู่วิ่งแบบไม่พับยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอ แต่หากบ้านคุณมีพื้นที่จำกัดจริง ๆ ก็ควรเลือกแบบพับเข้ามาเพื่อตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ใช้สอยนั่นอง
ข้อมูลเพิ่มเติม : Product available : Product recommended : Review : Knowledge
